งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2
Rock795 | งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2 ตอบ« 22 ตุลาคม , 2014, เริ่มเรื่องเลยนะครับสมัยผมเรียนมหาลัยรถที่ผมใช้ก็จะใช้แต่hatchbackตอนนี้ผมจบมาได้ซักระยะนึงแล้วและผมก็ได้มาเริ่มงานที่บริษัทพ่อผม โดยที่เป็นเซลล์วิ่งในกรุงเทพ-ชานเมืองและออกต่างจังหวัดบ้างโดยเฉลี่ยวันละประมาณ100กม. แต่เรื่องมีอยู่ว่าพ่อผมเห็นรถที่ผมใช้มีแต่รถhatchbackซึ่งแต่ละคันนั้นผมก็จับแต่งแทบทุกคัน แลบลิ้น ซึ่งพ่อผมบอกว่ามันไม่สุภาพและพ่อผมก็บอกว่ารถที่คนเป็นเซลล์เขาใช้กันส่วนใหญ่ต้องเป็นรถsedanหรือรถยนต์ที่ดูน่าเชื่อถือ โดยพ่อผมให้งบมา1.5ล้านให้เลือกรถอะไรก็ได้แต่มีข้อแม้ว่าต้องเป็นรถsedanเท่านั้น โดยรถที่ผมดูไว้ก็จะมี2ประเภทด้วยกัน 1.D segmentก็จะมีAccord2.4 Teana2.5ที่ไม่เอาCamryเพราะซ้ำกับพี่ชายผม 2.Premium carที่ผมดูไวก็จะมีอยู2ตัวเป็นW211 กับE60 ปล.ผมเป็นคนเท้าหนักไปหน่อยครับถ้าออกต่างจังหวัดหรือบนทางด่วน มอเตอร์เวย์ก็เหยียบประมาณ160-180ได้ครับ |
Zephyrs | Re: งบ1.5ล้าน ระหว่างD segmentมือ1กับPremium carมือ2 ตอบ« 22 ตุลาคม , 2014, E60 ตอนนี้แกว่งอยู่ราวๆ 1m บวกลบประมาณแสนนิดหน่อย เช่นเดียวกับ W211 แสดงว่ามีงบ 5 แสนในการบำรุง... ถ้าวิ่งออกตจวบ่อยขนาดนั้น + รับมือค่าน้ำมันไหว + พอรู้จักช่างนอกศูนย์บ้าง ก็เล่นได้ครับ 5 แสนผมว่า(น่าจะ)เอาอยู่ (E60 ถ้าไม่เจอแจ็คพอตอย่างเกียร์หรือแอร์พังก็เอาอยู่ แต่ผมไม่แน่ใจ W211 ว่าจะจุกจิกระดับไหน..) แต่ถ้าไม่รู้จักช่างนอกศูนย์... ผมว่า D-Seg น่าจะเอาอยู่มากกว่านะ |
burutrad | ตอบ«
22 ตุลาคม , 2014, ใช้รถเยอะแนะนำรถญี่ปุ่นดีกว่าครับ |
CARTOONCD41 | ตอบ«
22 ตุลาคม , 2014, D-seg ป้ายแดงครับ มีเงินทอน ไม่ต้องกังวลหรือรับภาระหนักเบาต่างๆด้วยครับ |
benzmylove | ตอบ«
22 ตุลาคม , 2014, ตามโจทย์ที่ให้มา ถ้าเป็นผม เลือก accord 2.4 ครับ รถใหม่ ใช้ยาว 5 ปี สบายๆ รถมือสอง ภายนอกอาจดูดี แต่ไม่รู้ว่าเครื่องหลวมหรือเปล่าครับ เพราะต้องใช้สักพักนึง ถึงจะรู้ครับ เพื่อนผม ใช้ e39 เคยเครื่อง heat จนควันขึ้น .. แล้วใช้ไปสักพัก สรุปเครื่องหลวม กินน้ำมันเครื่อง ... มันขายทิ้งเลย ใครได้ไปโคตะระซวย .. ต้องไป overhaul ใหม่หมด ถ้าจะเล่น มือสอง ให้ดูว่ามี book service หรือเปล่า... ถ้ามี เอาทะเบียนรถ ไปเช็คกับศูนย์ ดูว่า เคยซ่อมมา มากน้อยแค่ไหน ... แต่ถ้าไม่มี .. ไม่ควรซื้อครับ |
View | ตอบ«
22 ตุลาคม , 2014, -E60 ตัวนี้ยังไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ ภาพรวมมันยังไม่ค่อยโอ -W211 เหมือนเคยได้ยินว่าปัญหาเยอะ ไม่รู้นะครับเท็จจริงอย่างไร แค่เคยได้ยินมาหนะครับ -Accord 2.4 ตัวนี้สมรรถนะ OK ประหยัดที่สุดในกลุ่ม พวงมาลัยเบาไปนิดหน่อย นั่งค่อนข้างสบายเลยทีเดียว ตัวนี้น่าสนครับ ศูนย์ดีด้วย -Teana 2.5 ตัวนี้สมรรถนะดีครับ ช่วงล่าง OK พวงมาลัยน้ำหนักกำลังดี แต่กินน้ำมันอยู่ดี ศูนย์เยอะอยู่ครับ ในความคิดเห็นของผมๆเล็ง Accord 2.4 กะ Teana 2.5 ครับผม |
choomodify | ตอบ«
22 ตุลาคม , 2014, D SEG ป้ายแดงไปก่อนเลยครับ รอให้โตกว่านี้ ความรับผิดชอบมากกว่านี้ ค่อยซื้อ Premium ใหม่ๆ มาขับก็ยังไม่สาย ตามนี้เลยนะค้าบบบบ |
peterW | « ตอบ #7 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2014, 20:49:51 » ถ้าคุณ ชอบอันไหน ก็เลือกอันนั้นเลยครับ 1. ถ้าเลือกซื้อรถเยอรมันมือสอง (รถยุโรปชาติอื่นไม่น่าเลือกครับ) ก็ต้องรับความเสี่ยงหน่อย แต่ใช้สักสองปี ก็ไม่ขาดทุนเยอะ เช่น W211 ใช้ 1 ปี ก็คงไม่ขาดทุนเท่าไร ใช้ 2 ปี อย่างมากก็ 200,000 บาท หรือ น้อยกว่านั้น เพราะ มันตกมากแล้ว แต่ W211, W203, W220 เป็นรถที่ไม่ทน และ อะไหล่แพงมาก ส่วน W204,W212, W221 ทนกว่า อะไหล่ถูกกว่า เป็นต้น ข้อเสียสุดๆ โชคดี ก็ได้คันที่ดี อาจจะไม่ต้องซ่อมเลย เพื่อนผม ซื้อ BMW E60 มา แรกๆ ก็โดนค่าซ่อมไป 60,000 บาท แต่หลังจากนั้น ใช้ไป 2-3 ปี ก็แทบไม่ได้ซ่อมเลย แต่ถ้าโชคร้าย เจอคันซ่อมตลอด ก็เซ็งเหมือนกัน รถเยอรมัน มือสอง ปีใหม่ๆ ที่สภาพดี ยังไง ผมว่า ก็ยังขับดีกว่า รถญี่ปุ่น D-Segment ป้ายแดง ไม่เคยเชื่อใครเลยว่า รถญี่ปุ่น จะขับดีเท่า และ ถ้าพูดถึง ภาพพจน์ รถเยอรมันมือสอง ปีใหม่ คนอื่นๆ ก็ยังดูว่ามันสูงกว่ารถญี่ปุ่นป้ายแดง แต่ถ้าถามว่า ใครขับสบายกว่า อันนี้ซิ รถญี่ปุ่นมีส่วนครับ รถเยอรมัน ตอนซื้อ อยากได้ มากกว่า รถญี่ปุ่น พอใช้ไปซักพัก สลับกับรถญี่ปุ่น รู้สึก อยากขับรถญี่ปุ่นมากกว่า สำหรับ รถยุโรป ต้องทำใจไว้นะครับ ไม่ว่ารถใหม่ หรือ มือสอง เพราะ ชิ้นส่วนในรถมันเยอะ และ ออกแบบซับซ้อนมากกว่ารถญี่ปุ่น จึงมีโอกาสเสียมากกว่า แต่แลกมาด้วยการขับขี่ที่ดีกว่า 2. ถ้าเลือกซื้อ รถญี่ปุ่นป้ายแดง D-SEG ต้องใช้สัก 4 ปี ถึงเริ่มคุ้ม เพราะ ปีแรก กับ ปีที่สอง จะขาย ขาดทุนอย่างน้อย 3-4 แสนขึ้นไป เช่น แคมรี่ แอคคอร์ด เทียน่า 2.0 ราคา 1,300,000 บาท ใช้ 1 หรือ 2 ปี ไม่ชอบ จะขาย ก็ต้องขายที่ราคา 900,000-1,000,000 บาท ไม่งั้นใครจะซื้อ ถ้าใช้ 4 ปี ก็จะเหลือ 700,000 - 800,000 บาท ( 2.0 ขาดทุนไป 600,000 บาท ) ส่วน รุ่น 2.4 หรือ 2.5 เวลาซื้อ ซื้อมา 1,5000,000-1,800,000 บาท (แตกต่างกัน 200,000-500,000 บาท) แต่เวลาใช้ไป 4 ปี ราคาขาย จะสูงกว่า 2.0 ไม่เกิน 100,000 บาท หรือ อาจแค่ 30,000 บาทเอง ตอนซื้อแตกต่างกันเยอะมาก ตอนขาย แตกต่างกันไม่มาก (รุ่น 2.4 หรือ 2.5 ขาดทุนไปถึง 800,000-1,000,000 บาท) เอาเงินที่ขาดทุน มาเช่ารถแทนพอไหมเนี่ย ถ้าพอก็ดีนะ จะได้เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ประกันก็ไม่ต้องเสีย Maintainance ก็ไม่ต้องเสีย เบื่อก็เปลี่ยนรุ่นไปเรื่อยๆ ถ้าเป็นคนมีเงิน หาเงินได้อยู่เรื่อยๆ เรื่องขาดทุนเยอะ ก็คงไม่ต้องไปสนใจครับ เพราะ หาเงินได้ง่ายมาก อยากเปลี่ยนรถเมื่อไร ก็เปลี่ยน ไม่คิดมาก เต็นท์ตีเท่าไรก็เอาไปเลย เดี๋ยวนี้ เทรนซื้อรถมือสอง ไม่ว่าจะรถอะไร คน Generation นี้ เค้าไม่เอาแล้ว ไม่เหมือนสมัยก่อน ยังมีการเลือกว่า จะเอารถยุโรปมือสอง หรือ ญี่ปุ่นป้ายแดงดี เขาเลือก รถป้ายแดง เท่านั้น ไม่ต้องซ่อม ซื้อแบบ ซื้อมือถือ samsung iphone หมดประกัน หรือ เสียต้องซ่อมเกิน 50,000 บาท หรือ ออกรุ่นใหม่ ซื้อใหม่เลย จะขาดทุนหลายแสนก็ไม่ว่า แต่ขอ ห้ามซ่อม เลยแม้แต่นิดเดียว จะอยู่ในประกันซ่อมฟรี หรือ เพิ่งหมดประกันห้าง ถ้ายังอยู่ในประกันซ่อมห้าง แล้วมีซ่อมเกิน 2 ครั้ง ไม่หาย ก็จะเอามาประจานในเว็ปทันที เทรนฮิตเลย รถญี่ปุ่น ป้ายแดง ไม่ใช่ว่า จะไม่มีซ่อม 100% เหมือนหลายคนคาดหวังนะครับ ทั้ง Accord และ Teana ก็มีคนซื้อได้ไม่ถึงเดือน จึงเคสหนักๆ ถึงขนาด ขอเปลี่ยนรถ หรือ ขอคืนเงิน ก็มีมาแล้วนะครับ อย่าคาดหวังอะไรมากเกินไป เพียงแต่ว่า ความเสี่ยงยังต่ำอยู่ ดังนั้น จขกท จะถามเว็ปไหน 99.99% ผมว่า เขาตอบ รถใหม่ทั้งนั้น แบบไม่ต้องคิดมาก รวมทั้ง ผม ด้วย 5555 ปล. ขับเร็ว ก็คงต้องเลือก Teana 2.5 (แต่ในความคิดผม ผมว่า มันไม่สวยเลย ทั้งภายในและภายนอก ถือซักว่า เอาขับดีเป็นหลัก) แต่ผมเลือก Accord เพราะ 1.E85 2.ความสวย ขับดีพอไปวัดไปวาได้ (ขับไม่ค่อยเกิน 140km) ขับไม่ได้แย่ถึงขนาดขับเท่า C-Segment ( ซื้อรถคันเป็นล้าน แต่ขี้เหนียวค่าน้ำมัน 5555 ) สุดท้ายละ ถ้าขับที่ความเร็ว 160-170 km/h แช่เป็นเวลา 2 นาทีขึ้นไป บ่อยๆ รถญี่ปุ่น D-Segment จะขับแล้ว เกร็งเหนือยเครียดไหม ผมก็ไม่เคยลองนะ |
Highway Star | ตอบ«
22 ตุลาคม , 2014, ถ้าจขกท ดูรถมือสองเป็นรู้แหล่งอะไหล่มีอู่ประจำซื้อยุโรปก็ได้ แต่ถ้าดูรถมือสองไม่เป็นเอะอะอะไรเข้าศูนย์อย่างเดียวซื้อญี่ปุ่นป้ายแดงดีกว่าครับ ไม่จุกจิก |
AkE | ตอบ #9 เมื่อ: ตุลาคม 21, 2014, 21:31:08 » Accord 2.4 ตัวล่างน่าสนนะคับแต่จิงๆผมแนะนำ 2.0 ก้พอ 2.4 ตัวนี้แทบจะหนี 2.0 ไม่ออกนะคับ ประหยัดได้ 2 แสนเลยแต่ถ้าอยากได้ paddle shift, ไฟ LED, Lane watch ก้เอา 2.4คับ |
aobness | ตอบ«
22 ตุลาคม , 2014, เลือก D segment มือ1 ครับ premium ข้างต้นผมว่าไม่ได้ดูน่าเล่นหรือหรูหราอะไรมากมาย( อาจเพราะรุ้ราคา ) แถมต้องมาปวดหัวกับการซ่อมถ้าเรามีเรียนหรือมีงานทำไม่สนุกแน่กับการยืมรถคนอื่นบ่อยๆ คหสต นะคร้าบ |
Monn | ตอบ«
22 ตุลาคม , 2014, ผมมองงี้ ในฐานะ ที่แต่งรถมาด้วย ผมว่าคงพอรู้เรื่องรถบ้าง และน่าจะหาอู่นอกได้ไม่ยากมากสมัยนี้ google เพจคลับต่างๆ มากมาย ยิ่งวิ่ง ตจว. เยอะ และขับรถเร็วขนาด 160-180 บอกตรง premium car ถึงจะมือสอง จะตอบสนองคุณได้มากกว่า การขับ premium กับ d-segment ต่างกันนะครับ ผมใช้มาแล้ว ทั้งคู่ บอกเลย ยิ่งเดิมๆ ยิ่งชัดเจน ใครจะเถียงยังไง ก็ตาม แต่สำหรับผม พอเกิน 140 ไป มันต่างชัดเจน แบบไม่ต้องเอาอะไรมาวัด ยิ่งเร็ว ยิ่งต้องมั่นใจ ยิ่งต้องปลอดภัย ไม่ใช่ว่า d-segment จะไม่ดี แต่ต้องยอมรับ premium car มันดีกว่าจริงๆ ครับ 1.5 ล้าน E60 สบายเลย ล่าสุดมีคนในคลับ เพิ่งเอาไปลง เครื่อง 550i น้องๆ m5 งบไม่เกิน 5 แสน แทบลอกคราบ E60 เหลือแต่โครง ตัวรถตอนนี้ หาดีๆ ไม่เกินล้าน จับโมสุดๆ ไม่เกิน 5 แสน ใช้นานๆ 5 ปี ผมว่า สบายนะ |
รบกวนขอคำแนะนำครับ ระหว่าง w124,
c220, teana ปี 05-06
phitan |
รบกวนขอคำแนะนำครับ ระหว่าง w124, c220, teana
ปี 05-06
« เมื่อ: ตุลาคม 14, 2014, สวัสดีครับ พอดีมีโครงการจะเปลี่ยนรถครับ ตอนนี้ใช้ vios06 อยู่ กำลังมองหารถที่ขับสบาย นุ่มนวน ไม่เมื่อย ด้านหลังนั่งสบาย ตอนนี้มองหา MC w124, c220 แล้วก็ teana ปี 05-06 งบประมาณ ไม่เกิน 350k และคิดว่าจะติด lpg ด้วย รบกวนขอคำแนะนำหน่อยครับว่าควรจะไปทางไหนดี ขอบคุณมากครับ |
Zephyrs |
« ตอบ เมื่อ: ตุลาคม
14, 2014,
350k จะเล่น Teana ท่าจะยากอยู่ (มือสองตอนนี้ประมาณ 450-800k อยู่) c220 (เข้าใจว่ารุ่น 202 เพราะ 203 นี่ก็ซัดไปราวๆ 600k-700k) เบาะหลังแคบ+แข็งพอควร จุดอ่อนอยู่ตรงช่วงล่างที่เปราะกว่า W124 ทรงดูแก่กว่านิดหน่อย งบ 350k อาจจะเก็บไม่ครบ (ค่ารถต่ำๆก็ 250-270k แล้ว เหลือไม่ถึงแสนเก็บงานยากกว่า + ค่าติดแก๊สอีก) แต่ผมว่าภายในมันสวยกว่า 124 นิดหน่อยกับหน้าปัดดูไม่แก่เท่า 124 ติดแก๊สไหว แต่อะไหล่อาจจะมีจุกจิกกว่าหน่อย (พ้นยุค OverEngineering แล้ว) W124 สภาพภายในไม่น่าห่วง อะไหล่เซียงกงยังมีอยู่พอควร มือสองก็ไม่อ่วม (ต้องดูเยอะหน่อยนึงว่าปรับสภาพยัง) ถ้าสภาพไม่ปรับจะเหลืองบประมาณแสนนึง น่าจะเปลี่ยนภายในได้เกือบๆทุกชิ้น ช่วงล่างทนทานสวดยวดตาม MB ที่ยุค OverEngineering (w123,w124,w201,w126,w140) อะไหล่ไม่แพงก็จริง แต่ค่ารื้อพอควร ติดแก๊สรุ้สึกรุ่น E220 ยังพอติดได้ ไม่งั้นก็หา E200D แล้วยกมาวาง 1j ติดแก๊สแทน จะคุ้มค่า ระบบไฟฟ้าไม่เยอะเท่าไหร่ ช่างน่าจะแก้ได้หมดแล้ว เท่าที่ดู ถ้าอยากได้รถขับสบาย นั่งหลังสบายๆ ลองหา W123 ดีกว่า พื้นที่ด้านหลังผมว่าอาจจะเยอะกว่า w124 นิดหน่อย เบาะรองขาสั้นกว่าแต่เบาะพิงหลังสบายกว่า กระโปรงหลังที่เยอะกว่านิดหน่อย แต่คือต้องทำใจว่ามันไม่ใช่รถที่จะประหยัดน้ำมันเท่าไหร่ต่อให้วาง J และอะไหล่มีน้อยกว่า 124 แน่นอน แต่ซ่อมแล้วจบเหมือนกัน อีกอย่างคือบู๊ได้ไม่เท่าW124 เพราะความยาวรถนี่ก็ยาวพอควร แต่ราคาผมว่าไม่เจ็บตัว (ไม่เกิน 200k) ลองตัดสินใจดูครับ |
Ninezti |
« ตอบ เมื่อ: ตุลาคม
14, 2014,
C220 W202 นะครับ จากที่ใช้งาน คันนี้ มือ 1 ซื้อมาเลย ก็วิ่งประมาณ 8 หมื่นกว่าอะครับ พึ่งมาติดแก็ส ตอน ปี 09 อะครับก็ใช้มา ก็ยังไม่พบปัญหา อะไรนะครับ แค่แรกๆอาจจะจูนแก็สบ่อยหน่อย ในเรื่องแก็ส ถ้าจูนดีก็ใช้ยาวเลยครับ ส่วนเรื่องตัวรถนานมากเลยต้องค่อยๆไล่ทำไปอะครับ แอร์ ช่วงล่าง สายท่อต่างๆ ยางรองทั้งหลาย แต่สำหรับผมไม่จุกจิกเท่าไรนะครับ แต่มากกว่า ญี่ปุ่นแน่นอน กับพวกพลาสติก อาจจะกรอบในบางคันที่แตกแดดบ่อยๆของผม แตกหมดละครับ แต่รุ่นนี้มีข้อเสียหลักๆเลย คันเร่งไม่ชอบเลยครับแข็งไปหน่อย แม้จะย้ายสายคันเร่งอ้อมข้างหน้าแล้ว กับเบาะหน้าหลังที่แข็งและนั่งไม่สบายเลยอะครับ แต่ภายในผมว่า สวยอยู่เลย ภายนอกก็พอแต่งสวยได้เลยครับ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ลองๆดูครับ กำลังมองหารถที่ขับสบาย นุ่มนวน ไม่เมื่อย ด้านหลังนั่งสบาย อันนี้ผมว่าคันนี้ ไม่น่าจะเหมาะเท่าไร 5555 ลองๆมองดู accord งูเห่า สภาพดีๆ ทำเกียร์ รุ่นนี้ จะมีปัญหาเรื่องเกียร์อะครับ แต่ทำแล้วก็หาย โอเวอร์ฮอล ไปก็ใช้ดีเลยครับ ติดแก็ส จบเลยครับเคยใช้ อยู่ ขับสบายดีครับ ข้างหลังสบาย กว่า benz แน่นอนครับ แต่ ขับไกลๆอาจจะ ไม่นิ่งเท่า w202 อะครับ กินน้ำมัน accord ประหยัดกว่าหน่อยครับ |
nuntapon.s |
« ตอบ เมื่อ:
ตุลาคม 14, 2014,
ทั้งสามตัวนี่ต้องเตรียมงบเก็บงานไว้ด้วยเลยนะครับ. อายุพอสมควรกันหมดแล้วแม้จะมั่นใจว่าได้รถสวยจริงก็ตาม จริงๆในสามตัวนี้เป็นรถคนละยุคกันอย่างสุดขั้ว. เบนซ์สองตัวw202และw124ใกล้เคียงกันแต่มองจริงๆก็ห่างกันพอสมควรเพราะ124ขายอยู่ยาวนานเจ็ดแปดปีกว่าที่202จะเปิดตัว. ส่วนเทียน่านี่หลังสุดแต่ความสบายนี่สุดยอด ผมมี124code Cเป็นรถสวยมากในสายตาผม ดูอมตะที่แน่ๆสวยกว่าตากลมตัวแรกแน่นอน ทุกอย่างหนักแน่นเป็นรถที่ออกแนวกลไก ถึงจะจุกจิกน้อยแต่จริงผมว่ามันซับซ้อนพอตัวไม่ใช่ไม่มีอะไรเสียเลยแบบรถญี่ปุ่น. ราคาอะไหล่บวกค่าซ่อมมนุษย์เงินเดือนธรรมดาเหงื่อตกแน่นอนซื้อมา20ปีค่าซ่อมไปหลายแสนแล้วครับขนาดว่าไม่ค่อยรวนนะเนี่ย. ภายในเรียบร้อยวัสดุดีอย่างเขาว่ากันแหละครับยกเว้นเบาะคงต้องหุ้มใหม่เพราะอายุขนาดนี้ก็คงแตกหมดแล้วแต่ราคาไม่ได้แรงอะไร เอาร้านดังๆก็ตกสองหมื่นกว่าบาทแต่ทำเสร็จภายในจะกลับเหมือนรถใหม่ทันทีเพราะส่วนอืนมันแทบไม่บุบสลายเลยถึงผ่านกาลเวลามาระยะนึงแล้ว. ขับดีแต่ขับไม่สบายนะครับบอกไว้ก่อนหนักไปทุกอย่างคันเร่งเบรคพวงมาลัยลงจากรถนี่เหนื่อยเลยเหมือนกัน ภายในขนาดใกล้เคียงC segmentปัจจุบันครับและเบาะจะรับกับคนสรีระแบบฝรั่งนิดนึงอย่างน้อยต้องสูงครับไม่งั้นนั่งเบาะหลังไม่สบายส่วนเบาะหน้าธรรมดาครับ ความสะดวกสบายไม่ต้องไปเทียบกับรถยุคหลังๆห่างกันโขครับแต่พวกอุปกรณ์พื้นฐานก็ไม่ขาดยกเว้น ไม่มีที่วางแก้วน้ำครับอันนี้คือเรื่องที่ผมหงุดหงิดและเสียดายมาก. รุ่นแอร์แบ็กคู่นี่ก็จะไม่มีลิ้นชักหน้าครับ. กระจกมองข้างสองฝั่งคนละขนาดซึ่งยังคงเป็นปริศนาที่ไร้คำตอบจนถึงทุกวันนี้มุมบอดเยอะมากจนเวลาขับในเมืองต้องอาศัยโยกตัวช่วยเพื่อแก้มุมอับ. โดยรวมแล้วเป็นรถดีกลางๆครับแต่ในระยะยาวจะไม่มีปัญหาเรื่องอะไหล่เพราะมีรถในตลาดเยอะมากกก. ราคาขายก็คงไม่ตกไปกว่านี้เท่าไหร่แล้วครับ ถ้าจะเอาตัวนี้แนะนำหารถนำเข้าจากเกร์ยุคแรกครับ แอร์แบ็กคู่แอร์ออโต้ เบาะไฟฟ้าม่านหลัง ลายไม้ลายวอลนัท และหลีกเลี่ยงที่ปัดน้ำฝนไฟหน้ากับซันลูปครับ เอามาติดแก็สคงต้องcodeCและถ้าให้ดีหา280ไปเลยเพราะนิ่มนวลกว่าเยอะในแง่การบังคับควบคุม ขับในเมือง220จะฝืดนิดนึงแต่ความเร็วเดินทางก็ไม่ขี้เหล่ครับ w 202ขับสบายกว่าพอสมควรแต่ความจุกจิกก็มากกว่าด้วยเพราะเป็นยุคเริ่มต้นของระบบไฟฟ้าต่างๆ และพวกภายในมีแนวโน้มจะโทรมแตกกรอบมากกว่า อันนี้ไม่ได้มีเองแต่เคยขับของพี่สาวแบบผ่านๆออกแนวรถญี่ปุ่นเลยครับ เบาลงทุกอย่างขับง่าย ภายในแคบแบบอึดอัดเพราะคอลโซลและแผงประตูออกแบบแนวชันๆบังคับสายตา เบาะบางและแข็งแบบพี่ด้านบนว่าไว้. เครื่อง220ตัวแรกใช้ร่วมกับ124ดังนั้นเรื่องอะไหล่ใกล้เคียงกันยกเว้นอะไหล่ตัวถังที่ผมว่าน่าหมดไปก่อน ส่วนJ31นี่ไม่ค่อยรู้ครับ เห็นเพื่อนใช้อยู่เท่าที่ได้ยินคือกินดุและบางปัญหาซ่อมไม่จบครับ. แสดงว่าถึงเป็นญี่ปุ่นและใหม่กว่าก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่จุกจิกเสมอไป. แต่เรื่องความสบายในการขับและการโดยสารผมหลับตาจิ้มเลยว่าตัวนี้เหนือกว่าคู่แข่งอยู่หลายช่วงตัว. ยกเว้นคอลโซลหน้าที่งานออกแบบและเนื้อวัสดุไม่ถูกกับจริตผมอย่างแรงและถ้าต้องซื้อมาใช้คงต้องอึดอัดกับจุดนี้อยู่พอสมควร |
jajaboss |
« ตอบ เมื่อ: ตุลาคม
14, 2014,
Teana j31 ผมใช้อยู่ บอกเลยรถดีมาก แต่ได้มาถ้าใกล้ๆ 170000 โลแล้ว กำเงินแสนไว้แน่นๆเลยครับ โดนแน่ๆ ผมใช้มา 2 ปีโดนไป 8 หมื่นแล้วครับ แต่ซ่อมจบแน่นอนครับ แล้วรถรุ่นนี้ก็ดูๆไปมันก็สวยนะครับ แต่ง vip ก็ขึ้น แต่ใจผมคิดว่า 350000 ไม่น่าจะหาได้นะครับ ถ้าหาได้ถือว่าถูกครับ ปล.เครื่อง v6 นิสสันทนแก็สนะครับ ปีก่อนผมวิ่งไป 70000 ก็ไม่เห็นมันจะงอแงตรงไหน แล้วเบรคก็โอเคมาก มีแค่ช่วงล่างที่ย้วยหน่อยต้องเตรียมตังไว้เปลี่ยนโช๊ค ปล.2 รุ่นนี้ถ้าซ่อมจบก็จบเนียนๆครับ เสียงเครื่องโคตรไพเราะ ถ้าไล่ๆซ่อมไปทีละอย่างจะจุกจิกหน่อย ปล.3 ผมไม่ได้อวยแต่ส่วนตัวคิดว่ามันดีกว่า j32 ด้วยซ้ำ ปล.4 ที่บ้านมีทั้ง j31 และ j32 ปล.5 ผมไม่มีเบ้นไว้เปรียบเทียบ ผมไม่พูดละกัน |
Highway Star |
« ตอบ เมื่อ: ตุลาคม
14, 2014,
ส่วนตัวเชียร์w124 เพราะบอดี้ใหญ่นั่งสบายถึก ทนทานแบบเบนซ์ยุคเก่า อะไหล่ไม่แพง หาตัวcode c e220น่าจะเหมาะที่สุด ส่วนw202ผมว่าตัดทิ้งดีกว่าเพราะความสบายคงไม่ตอบโจทย์ ส่วนj31ผมว่าก็พอเล่นได้แต่ควรมีงบมากกว่านี้เพราะราคานี้น่าจะได้แต่ปีเก่าๆแถมค่าซ่อมก็ไม่ถูกนัก แต่ถ้าชอบสดใหม่ของเล่นแพรวรสวกว่าสองตัวก็ลองดู |
FyGI |
« ตอบ เมื่อ: ตุลาคม
14, 2014,
แนะนำว่า ใช้คันเดิมไปก่อนครับ ถ้ามันยังไม่ งอแงง หรือเกเรอะไร เพราะรถที่ จขกท สนใจนั้น ได้มาต้องเก็บงานอีกประมาณนึง แต่ที่ต้องเก็บหนักเลยน่าจะเป็น MB โดยเฉพาะ W124 งานช้างน่าจะเป็นที่ตัวถังซึ่งส่วนใหญ่ถ้าดูแลไม่ละเอียดมักจะผุครับ ซึ่งมีซอกหลืบให้ผุหลายจุด ส่วนอันอื่นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เครื่อง E280 M104 บางอาการและบางคันซ่อมไม่จบก็มี |
yod artstu |
« ตอบ เมื่อ: ตุลาคม
14, 2014,
จะเล่น Merc. W124 ที่ถือว่าเป็นรถที่ทนที่สุดตั้งแต่เค้าเคยผลิตมา ถึงมันจะทนทานมากๆ แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่เสียอะไรเลย เพราะด้วยอายุรถขนาดนี้แล้ว เราไม่รู้ว่าเจ้าของเก่าดูแลดีไหม? หากเกิดกรณีที่ต้องยกเครื่องใหม่ เช่น เจ้าของเดิมทำฝาสูบโก่ง ฯลฯ มันจะซ่อมไม่จบครับ ถึงยกเครื่อง ช๊อต บล๊อกจากญี่ปุ่นลงใหม่ ก็ใช่ว่าจะจบ เพราะอาจจะต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ต่อพ่วง เพราะอายุก็เยอะแล้ว ผมทำ BMW E34 ของที่บ้านใหม่ เพราะขาดการบำรุงรักษาอย่างแรง มานานมากกว่า 4-5 ปี เกียร์เสีย ประเก็นรั่ว ท่อยาง คอมแอร์ลาโลก ตู้แอร์ ระบบทั้งหมด หม้อน้ำเดี้ยง พัดลม รีเลย์-อุปกรณ์ไฟฟ้าไปหมด คันชักคันส่ง โช้คอัพ ท่อไอเสีย แคตฯ ยางขอบกระจก กลอนประตู ประตู มอเตอร์รางกระจก ระบบกุญแจ เบาะภายในทั้งหมด 5555 เปลี่ยนแหลก เหลือแต่โครงรถ ประตู 3 บาน กระจกรถ ไฟท้าย และลงเครื่องใหม่เป็น M50Tu แต่ก็ไม่จบ ต้องเบิกของใหม่ลงอีกหลายรายการ วาล์วน้ำพัง เครื่องฮีท ยังดีจอดทัน ทำต่ออีกสักพัก กว่าจะนิ่งทั้งหมดร่วม 3 ปี - อายุรถขนาดนี้แล้วก็ต้องทำสี-ตัวถังใหม่ ขนาดผมว่า ผมประหยัดไปแสนกว่า ไม่ต้องซื้อรถใหม่ งบที่ลงไป ก็แบบ - ซื้อ Swift Eco ได้เลยครับ เพราะเปลี่ยนเกือบหมด ของเก่าเสื่อมหมดแล้ว นี่รอเปลี่ยนคอนโซลใหม่ทั้งหมด และรอหม้อลมเบรค 2 ชั้นอยู่ ผมว่า ถ้ารถเก่ายังใช้ได้อยู่ ใช้ต่อไปดีกว่าครับ ถ้า W124 จะทำให้เนี้ยบมากๆ ก็ต้องใช้งบเยอะครับ มากกว่า 3 แสน กำไว้เย็นๆเลย ใครจะว่าใช้แค่แสนเดียวจบ ผมถือว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะ "มันมีอาการอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้" เหมือนคนแก่ครับ จะป่วยเมื่อไหร่ ต้องใช้ค่ารักษาเท่าไหร่ ไม่มีใครตอบได้ครับ ส่วนเวลาใช้งาน ก็ต้องใช้แบบ เป็น Weekend Car วิ่งไม่ไกล พอไหวครับ ยิงฟันยิ้ม ใช้ทุกวัน ผมว่าไม่เวิร์ค ใช้รถคันเก่าไปก่อน สะสมเงินจนพร้อม เล่นรถใหม่ดีกว่าครับ เล่นรถเก่าเหนื่อยจริงๆ เหมือนคนอายุมาก ยังไงก็ต้องดูแลเยอะครับ ขับแต่ละที ดูเข็มความร้อนมากกว่าดูทางอีกครับ 55555+ ส่วนตัว ปกติทำงานทุกวัน ที่จอดรถแย่มากใบไม้ร่วงเต็มตากแดด ผมเอาวีออส 2003 ออกใช้ เหมือน จขกท. วันหยุดถึงใช้ BMW E34 ขนของมากๆ ก็ใช้ Freed 2012 เดินทางไกลก็ camryHV รถใหม่ๆยังไงก็ใช้สบายใจครับ รถเก่ายุค 85-90s นั้น อุปกรณ์แข็งไปหมด เหยียบก็ขาเมื่อย แต่มั่นใจ+อิ่มใจตอนขับ |
porkpie |
« ตอบ เมื่อ: ตุลาคม
14, 2014,
จาก ปสก ของผม ที่ใช้ W124 ครับ เป็นรถที่ดีมากครับ ช่วงล่างทุกอย่างลงตัว พอเหมาะสม และผมก็รักมากด้วย แต่... ผมเลือกที่จะไม่ใช้สิทธิภาษีรถคันแรก มาเลือก W124 ในตอนนั้นที่ราคายังสูงกว่านี้ ล่าสุด ไม่นานนี้ขายไปแล้วครับ ค่ารถ+ค่าซ่อม = วีออส เริ่มต้น เพราะอยากตัดความปวดหัวไป ใช้ดีครับ แต่ ไม่เหมาะกับ Daily use ครับ วันดีคืนดี มันจะเป็นอะไรขึ้นมาก็เป็นครับ ขับแล้วไม่สบายใจครับ ส่วนนึงคือผมซ่อมไม่ถึงเองครับ (2ปี ทำนุ่นทำนี่ไป ประมาณ 8-9หมื่น) หากอยากใช้จริง เตรียมไว้สักอีกสัก 2แสน + เวลา วิ่งหาอะไหล่ + อู่ ครับ จะได้ใช้ได้อย่างสบายใจครับ ผมยังอยากจะไปหา วีออสรุ่นคุณ ตัว turbo มาใช้เลยครับ ปล. อนาคตหากผมพร้อมกว่านี้และมี เงิน+ที่จอด ก็คง จะหา W124 Coupe กลับมาอีกครับ เพราะผมหลงมันเข้าจิงๆ แต่ที่ขาย ไป เพราะ ชีวิต ไม่ได้มีเรื่องนี้เรื่องเดียวให้ปวดหัวครับ |
Auto |
« ตอบ เมื่อ: ตุลาคม
14, 2014,
w124 เป็นรถโลงจำปาที่อะไหล่เยอะเนื่องจากขายบ้านเราเยอะในโมนี้ ลากขายมานานมาก อะไหล่เซียงกงมีเพียบ แต่ด้วยผู้สันทัดกรณีที่มาบอกให้เอง + กับคนเป็นช่างซ่อมจะบอกเหมือนกัน คือไม่ได้แพงนะครับ ค่าซ่อมก็ไม่แพง จัดเป็นรถที่ทนทานไม่จุกจิกเหมือนเบนซ์รุ่นใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นมาที่ค่าซ่อมแพงกว่ากันมากและจุกจิกกวนใจกว่ากันเยอะ แต่คำว่าไม่แพงของ W124 นี่ ตามที่ข้างบนบอกมนุษย์เงินเดือนที่เงินเดือนไม่เยอะนักเล่นเอาจุกได้เหมือนกัน ถ้าซื้อมาเก็บซ่อมกันเยอะ ต้องลงทุนไม่ใช่น้อย ถึงแม้ได้รถสภาพดีจริงแต่ต้องเข้าใจว่า ค่าอะไหล่ค่าซ่อม ยังไงก็แพงกว่ารถญี่ปุ่นแน่นอน ยิ่งคุณใช้ Vios มาก่อนจะเห็นข้อเปรียบเทียบในเรื่องค่าอะไหล่และการบำรุงรักษาชัดเจนเลยครับ ว่า Vios ถูกกว่ากันเยอะแถมตอนใช้งานก็สบายใจกว่า เพราะ Vios ไม่จุกจิกเลยจริง ๆ c220 รถปีเดียวกันแต่ราคาพอกันกับ 124 มีจุดอ่อนที่เป็นคันเร่งสายค่อนข้างแข็ง อีกทั้ง Air พอเก่าแล้วกล่องแอร์มักจะเสียในอายุราว 10 ปี + - นิดหน่อยเป็นทุกคันค่าซ่อมแพง บางคันซ่อมไม่จบเพราะตัดต่อกลายเป็นรถไม่น่าใช้หมดสภาพไปเลย ร้านแอร์ที่ทำเบนซ์จะรู้ดีหลายร้านซ่อมได้แต่บางทีก็ซ่อมไม่จบเหมือนกัน แต่ถ้าดัดแปลงมา เจ้าของจบกัน เกียร์ออโตของรุ่นนี้อยู่ได้ราว 2 แสนโลอาจมีอาการต้องซ่อมแล้วสำหรับบางคัน ลองสังเกตุดูว่าทำไมราคาตลาดค่อนข้างอยู่ราวไม่เกิน 3 เพราะอะไร ความนิยมจึงลดลง ถ้าทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนไม่แนะนำเบนซ์ครับ ถ้ารายได้ไม่พอ เก็บตังค์ทำอย่างอื่นดีกว่า หรือถ้ารายได้เหลือแล้วอยากขับเบนซ์ก็ป้ายแดงไปเลยดีกว่าครับ มือ 2 รถอายุอานามมากเหมาะสำหรับรถญี่ปุ่นรถตลาดที่ไม่จุกจิก ค่าซ่อมไม่แพงดีกว่า Nissan teena ไม่มีความเห็นเพราะยังไม่เคยซ่อมแบบจุกจิกเท่าไหร่ |
หัวข้อ: เกียร์ cvt คืออะไร
ทำไมคนไม่ชอบเยอะ
หลังคาซันรูฟ(หรือมูนรูฟ)มันเสียหรือรั่วง่ายหรือเปล่าครับ « เมื่อ: ตุลาคม 09, 2014, 17:01:23 »
อยากรู้ว่าเทคโนโลยียานยนต์เกาหลีใต้ณ.ปัจจุบันนี้สู้กับทางญี่ป่น ยุโรป เมกาได้ยัง « เมื่อ: ตุลาคม 07, 2014, 23:48:59 »
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น